ประวัติการทำงาน

ตำแหน่งหน้าที่ จาก พ.ศ. ถึง พ.ศ. ชื่อหน่วยงาน
นิติกรตรี 2512 สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม
นิติกร 2514 สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อาจารย์โท 2516 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 2519 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หัวหน้าภาควิชากฎหมายวิธีพิจารณาและธรรมนูญศาล 2519-2521 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หัวหน้าภาควิชากฏหมายแพ่งและพาณิชย์ 2521-2525 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รองศาสตราจารย์ 2522-2529 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์ ระดับ 9 2529-2530 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์ ระดับ 10 2530 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์ ระดับ 11 2540 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ราชบัณฑิต 2539-ถึงปัจจุบัน สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง

ตำแหน่งหน้าที่ จาก พ.ศ. ถึง พ.ศ. ชื่อหน่วยงาน
เลขาธิการสมาคมนิสิตเก่านิติศาสตร์ 2524-2526 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อุปนายกสมาคมนิสิตเก่านิติศาสตร์ 2526-2528 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายกสมาคมศิษย์เก่าประถมสาธิต 2527-2529 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
นายกสมาคมนิสิตเก่า  นิติศาสตร์ 2534-2536 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายกสมาคมศิษย์เก่ามัธยมสาธิต 2530-2534 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
นายกสมาคมศิษย์เก่าสาธิต 2534-2536 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร

ศาสตราจารย์ไชยยศ เหมะรัชตะ ศาสตราจารย์ระดับ 11 คนแรกทางนิติศาสตร์ ดำรงตำแหน่ง ราชบัณฑิต สาขากฎหมายแพ่ง สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง เป็นผู้มีความรู้อันประจักษ์ชัดด้วยผลงาน ที่โดดเด่น ด้านกฎหมายและการอุดมศึกษาของประเทศ ได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา ที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง

งานที่ราชบัณฑิตยสภา เริ่มช่วยงานที่ราชบัณฑิตยสภาตั้งแต่ พ.ศ. 2526 โดยเป็นผู้แทน คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในคณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์กฎหมายไทย หลังจากนั้นดำรงตำแหน่งภาคีสมาชิกเมื่อ พ.ศ. 2531 และเป็นราชบัณฑิต สาขากฎหมายแพ่ง สำนักธรรมศาสตร์และการเมืองเมื่อ พ.ศ. 2539 อายุ 50 ปี (เกิด 23 ธันวาคม พ.ศ. 2489) ราชบัณฑิตที่ปรึกษา พ.ศ. 2544 – พ.ศ. 2546 กรรมการส่งเสริมกิจการราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2550 – พ.ศ. 2552 กรรมการกิจการสำนักงานราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2558 – พ.ศ. 2562 และเป็นประธานกรรมการบัญญัติศัพท์นิติศาสตร์ พ.ศ. 2548 – พ.ศ. 2556 รวมทั้งเป็นผู้เขียนบทความวิชาการในวารสารราชบัณฑิตยสภา และเขียนคำศัพท์กฎหมายไทยในสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานอีกด้วย

ตำราและวิจัย มีตำรากฎหมาย อาทิ กฎหมายว่าด้วยนิติกรรม สัญญา ประกันภัย ทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายกับการประกอบวิชาชีพสารนิเทศศาสตร์ รวมทั้งผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน

ด้านการอุดมศึกษา ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย (กม.) พ.ศ.2535 – พ.ศ. 2547 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอุดมศึกษา (กกอ.) พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2551 เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย 18 แห่ง ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครและมหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ ได้รับปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย 7 แห่ง
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) พ.ศ. ๒๕๓๘ – พ.ศ. ๒๕๓๙ กรรมการผู้ทรงคณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ศ. ๒๕๔๒ – พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยขณะที่เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งนับเป็นมาตรการที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคมและประเทศชาติ

ด้านนิติบัญญัติ เป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ พ.ศ.2549 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และประธานคณะอนุกรรมาธิการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ด้านสังคม เป็นนายกสมาคมผู้ก่อตั้ง 3 สมาคม คือ สมาคมศิษย์เก่าประถมสาธิตประสานมิตร สมาคมศิษย์เก่ามัธยมสาธิตประสานมิตรและสมาคมศิษย์เก่าสาธิตประสานมิตร รวมทั้งนายกสมาคมนิสิตเก่านิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ พ.ศ. 2537 , มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก พ.ศ. 2542 , เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา พ.ศ. 2552 และทุติยดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ. 2566

ศาสตราจารย์ ไชยยศ เหมะรัชตะ ดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างที่ดีแก่อนุชน ด้วยแนวทางการปฏิบัติตนอยู่ในคุณธรรม มีความสุจริตเป็นที่ตั้ง ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ ในทางวิชาการ เป็นผู้ให้วิชาความรู้แก่ศิษย์และสาธารณชนอย่างเต็มที่ มีความสนใจความรู้ใหม่ ๆ และให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นผู้นำทางสังคม ที่สร้างความสงบสุข ความสามัคคีแก่สังคมและประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์